บทที่ 3
โอ้ยตาย … งั้น..มันต้องเป็น ... 'เจอโรเม่'ส์ ลีมูแซ็ง'
โอ้มายลอร์ด!! นี้ข้าเผลอท่องคาถาผิดรัวลิ้นออกเสียงเป็น
'เฌโรม'ส์ ลีมูซีน' หรอกหรือ!?
เขาพูดถึงบรรพบุรุษด้วยหรือ? .. หลายร้อยปี! .. อุ้ย!! ไม่นะ .. ถึงว่าสิ!!
นี่ข้าข้ามเวลามาไกลขนาดนี้ได้อย่างไรหนอ?
ด่ะ .. เดี๋ยวนะ .. ตั้งสติซิที่รัก
เจ้าต้องพาตัวเองออกไปจากที่นี้ให้ได้ก่อนนะ
ใช่ๆ … แต่ด้วยคาถาไหนล่ะ?
โอ้ย!..ตื่นเต้น โอ้ย!..ตกใจ นึกอะไรไม่ออกเลย
เสียงสามหนุ่มนี่คุยเรื่องอะไรกันน่ะ?
อ้อ.. เขากำลังปรึกษากันว่าหล่อนหลงทาง ..
ใช่...ใช่แล้วเจ้าหลงทาง แถมหลงเวลามาอีกด้วยล่ะจ่ะโอเรออนเน่!!
เอาไงดี? .. หนีดีกว่า
เดี๋ยวนะ ก่อนที่เจ้าจะไปก็ควรต้องร่ายคาถาให้คนพวกนี้ลืมเรื่องของเจ้าซะก่อนสิ เรื่องนี้ป้าออโรร่าสอนไว้ว่าถ้าหลงมาเมืองมนุษย์ สิ่งแรกที่ต้องทำคืออย่าให้ใครรู้เป็นอันขาดเชียวว่าเราน่ะเป็นเผ่าแม่มด ไม่งั้นอาจจะโดนจับไปเผาทั้งเป็น ป้าบอกว่าพวกมนุษย์น่ะไม่ชอบแม่มด โอเรออนเน่ก็ไม่ค่อยเข้าใจนะ แต่เชื่อป้าไว้ก็น่าจะดี
แต่ด้วยคาถาไหนดี? ... คาถาไหนล่ะ?
อ่อ!! ..นึกได้ละ! ..คาถานี้.. ป้าออโรน่าเพิ่งจะสอนมาก่อนที่จะแวะไปเยี่ยมป้าแพนโดร่าที่กรีซเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไง
เริ่มจาก .... อะไรนะ .... อ่อ ...
โอม .. ละหลง..งง..งวย
แม่มดสาวสวยดักแมวด้วยปลา
ย.ยักษ์คึกคัก .. อุ้มหมาปั๊กไปซื้อมาม่า
ขอให้พวกเขาจงงงงวย ..
ขอให้ลืมหมดด้วยว่าข้าเป็นใครมาก่อนหน้า
โอมมมม มะเรื่อง..มะรืน .. ขอให้จงลืม ..
จังหวะเดียวกับแม่มดน้อยผู้อ่อนด้อยก็ได้เงยหน้าไปมองเห็นตัวเองในกระจกเงา ที่มันแปะประดับอยู่ข้างจอสมาร์ททีวีที่มาของแหล่งความบันเทิงระหว่างทางในซาลูนนั้นแป๊ะๆ
ด้วยความที่ประหลาดใจไม่เคยเห็นกระจกที่ไหนช่างชัดแจ๋ว..กระจ่างใสเช่นนี้มาก่อน ..
และแล้วแม่มดจอมไฮเปอร์ก็เผลอไผลไปท่องมนต์บทสุดท้ายพอดีว่า ..
อ๊ะ! ... นั่นมันตัวข้านี่นา? (แอบดีดนิ้ว..เป๊าะ! ก่อนจะ..)
ห๊ะ!! ดะ ... เด๋วนะ!!
ตะกี้..บทจบข้าท่องคาถาไปว่าอะไรนะ!!?
(วรั๊ย! .. ม้ายยยยยยยทันแระ!!)
ปุ้ง!!! ...
ควันสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏขึ้นโขมง คลุ้ง ตามด้วยเสียงแก้วเสียงกระจกนิรภัยลั่น ..
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!! เปรี๊ยะ!!! ..
ปัง!! .. ตึง!! ตึง! ตึงๆ!!
อุ๊ฟ! .. วะ .. วั๊ย! .. ตายแล้ว!!
ออนเน่มองเห็นร่างทุกร่างสั่นสะเทือนโคลงเคลง หมุนพลิกตลบหกคะเมนตีลังกากันอยู่ภายใน .. เอิ่มมม .. เรียกว่ากล่องเหล็กประหลาดที่กรุเต็มไปด้วยเบาะหนังหนานุ่ม แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ดูเหมือนว่าเจ้าเบาะเหล่านั้นมันจะช่วยได้ไม่มากเท่าไร
แต่ถึงอย่างไรออนเน่ยังรู้สึกว่าตนเองปลอดภัยดี ภายใต้อ้อมกอดแน่นหนาและปกป้อง
ซึ่งมันคงจะยังไม่มากพอ เพราะต่อให้ดาม่อนจะระมัดระวังตามสัญชาตญาณที่ถูกปลูกฝังกันไว้ในสายเลือดขุนนางเก่าแก่ว่าบุรุษต้องดูแลสตรี แต่ออนเน่ก็ยังจะอุตส่าห์ผงกศีรษะขึ้นมาดูหายนะที่ตนก่อ จนมันชะโงกทักทายขอบมินิบาร์ที่ไว้สำหรับแช่ไวน์ขวดโปรดของฟรองซัวส์เข้าให้จนได้
โป๊ก!!
“โอ้ย!!”
และแล้วสติทุกอย่างของแม่มดตัวป่วนก็ดับ .. วูบ
"ทำไมนายไม่ลงประกาศตามหาญาติของ.. เขาเรียกตัวเขาเองว่าอะไรนะ .. ฉันลืมแล้ว?"
"ออนเน่ .. โอเรออนเน่" เสียงทุ้มดุ..ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ทั้งยังจะไม่ได้เงยหน้ามาจากข่าวที่อ่านอยู่ในแท็บเล็ทพับได้..แปลงร่างเป็นมือถือได้แบบทันสมัยที่แผ่แล้วจะบางเฉียบราวกระดาษ
"เออใช่ ชื่อเขาคล้ายชื่อของกลุ่มดาวนายพราน"
ฟรองซัวส์สรุปงุ้งงิ้ง
ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :)
**********