วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2563

***** ตัวอย่างสุดท้ายจร้าาาาาาาา *****

 วิ่งมาชะงักอยู่หน้าประตูห้องตัวเองแล้วนึกขึ้นได้

แย่จริง! ปกติตอนเป็นคนธรรมดาหน้าตาน่ารักๆ .. ก็เห็นอยู่ว่าดาม่อนจะนอนปิดประตูมิดชิดด้วยนินา!!

นั่นสิ!! คนเย็นชาหน้าตาย..แต่ไม่ยอมทิ้งลายเสือผู้หญิงคนนี้ เขาเองก็ชอบจะเรียกสาวๆ จากคลับชั้นสูงมาเป็นเพื่อน...นอนจับมือ จ้องตา สวดมนต์ด้วยกันบ่อยๆ นี่สิ!! .. (ฟรองซัวส์บอกมาแบบนี้)

ว่าจะทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วนะเรื่องนี้ .. แต่หล่อนก็แอบน้อยใจเขาอยู่นิดหน่อยเอง..ใช่ไหมล่ะ? ...

เดี๋ยวนะ! .. นี่มันใช่เวลาจะมาเศร้าปนหึงหวงป่ะ!!

ฉันต้องหาทางเข้า ..ไปให้ดาม่อนแก้คำสาปนี้เสียก่อนสิ!! เดี๋ยวเรื่องอื่นค่อยมาดราม่ากันต่อ

เอาน่ะ! เข้าทางประตูไม่ได้ .. งั้น..ก็ต้องไปปีนเข้าทางหน้าต่าง 

ใช่สิ!! เลาะไปทางระเบียงห้องก็ได้นี่นา ฉันเป็นแมวนะ ... ฉันต้องทำได้สิ!! 

อือออออ ... แต่ว่าทำไมมันสูงปรู๊ดปรี๊ดเลยอ่ะ!!

ทุลักทุเล ..แต่ก็หาทางปีนป่าย.. สุดท้ายก็มุดเข้าทางช่องใต้เพดานทะลุมาเข้าหาเขาได้จนได้นั่นล่ะ แต่ว่ามันดันมาโผล่เอาตรงใต้คาน .. เหนือเตียงขนาดยักษ์ทรงโบราณสี่เสาของเขานี่แหละ

จ้องจะหาทางไต่ลงไปได้ แต่มันก็ไม่มีที่ให้ลงเลยนะ

ชะโงกมองดูบนเตียง..ก็..เอิ่มมมมม .. เป็นไปตามที่คาด

บนเตียงเห็นเพียงแผ่นหลังขาวจั๊วะ ของสาวนางหนึ่งที่กำลังขยับไหว..สวดมนต์เนิบนาบๆ .. อยู่บนร่างสีเข้มที่นอนยกสองแขนมาไพล่ของศีรษะ มองร่างสาวสวยด้วยสายตาเฉยเมย แต่นานๆ ที จึงจะเห็นเขาขยับมาจับเอวแม่สาวนั่นสักครั้ง

ดาม่อนเรียกผู้หญิงจากคลับชั้นสูงมาใช้บริการไม่ซ้ำหน้าอีกล่ะ .. เซ็งนะ .. แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา

เส้นแนวนอน


ขอโทษนะคะที่เข้ามาขัดจังหวะ 

แต่ธุระของฉันสำคัญกว่าค่ะ!!

หลับหูหลับตา ทิ้งดิ่งร่างสี่ขาลงมา ม้วนตัวตะกายอากาศอย่าง ..เอิ่มมมม.. ไม่ค่อยจะสง่างามอย่างที่วาดภาพเอาไว้นักหรอก

ตุบ!!

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ตัวไร!! ตัวอะไรอะ!!"

แหง๋ววววววว!! แอร๊ว!!

(ก็แมวไงล่ะ .. เห็นเป็นปลาสวายหรือไงฟร่ะ!!)

แผ่นหลังเนียนนุ่มๆ มันลื่นมากมาย ออนเน่ที่ทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ตกกะใจ ทั้งจิกทั้งตะกายข่วนแผ่นเนื้อนวลขาวแควกๆ .. พอตั้งหลักได้ก็ตั้งท่าจะกระโจนหนีคดีที่เพิ่งหล่นลงมาก่อแล้วจู่ๆ ก็ถูกมือแข็งแกร่งคว้าคอเอาไว้ได้

.. อย่างรวดเร็วเกินไป .. หรือเปล่า!?

"กรี๊ดดดดดๆ! อ้ายเจ็บจังค่ะ เจ็บๆ!! ไอ้แมวบ้านี่มันโผล่มาจากไหนคะดาม่อน! โยนทิ้งไปค่ะ โยนมันทิ้งไป" 

ดาม่อนถลึงตา .. ตาลุกวาบ .. ไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนกล้ามาสั่งเขา

แม่สาวที่ลืมตัวนึกกลัวจนตัวสั่นแล้วทีนี้ แต่ออนเน่ไม่ได้สนใจมากไปกว่าอาการหึงหวงส่วนตัว

"แหง๋ว!! ๆๆ"

ฟ่ออออออออออ ฟ่อ!!  ... 

(ตบป่ะ!! ตบป่ะล่ะ .. จะได้จบ!!) ...

ท้าตีท้าต่อย กางกรงเล็บกะจะข่วนฝ่ายตรงข้ามทั้งหญิงและชายกันเลยทีเดียว

"นั่นสิ .. มาได้ไง?" เจ้าตัวน่าสงสัยยังคงดิ้นแด๋วๆ ในมือเขาสุดฤทธิ์

ยกแมวดำขี้โมโหร่างเล็กมาจ้องมองอย่างสนใจ

จมูกของไลแคนท์ที่มีความไวเหนือมนุษย์จับได้ดีถึง .. กลิ่นสมุนไพร?

จากไหน? ... มันคุ้นเคย แต่เขาก็นึกไม่ออกในทันทีว่าเคยได้กลิ่นนี้มาจากไหน

จริงๆ เขาจับกลิ่นนี้ได้ตั้งนานแล้วล่ะ แต่ที่ยังนิ่งก็เพราะผู้หญิงที่อยู่บนร่าง .. เขาไม่อยากให้เจ้าหล่อนต้องสงสัย .. แต่ที่ไม่เข้าใจคือ..ทำไมแม่แมวน้อยตัวนี้จึงได้ดันตัดสินใจทิ้งดิ่งลงมา ซึ่งความจริงดาม่อนจะคว้าก็คว้าทัน แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำมันซะเฉยๆ นี่ล่ะ

อาจจะเป็นเพราะเขากำลังนึกรำคาญตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมพักนี้เขาถึงได้รู้สึกนึกเบื่อผู้หญิงยิ่งนัก หากแต่ธรรมชาติของร่างกายมันเรียกร้องให้ต้องได้รับการปลดปล่อยผ่อนปรน

โดยเฉพาะสายพันธ์ที่ดุร้าย .. แต่เลือกที่จะระงับมันเอาไว้ให้ได้ มันเป็นกฎของเผ่าพันธุ์ที่รักสงบอย่างสายตระกูลของเขา .. นั่นมันก็เลยยิ่ง เป็นสิ่งที่เขาต้องได้รับการเก็บกดเพิ่มขึ้นหลายเท่า เรื่องที่พอจะช่วยได้ก็คือการทำงานหนักอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จนกระทั่งมีธุรกิจเติบใหญ่โต  .. กับเรื่องบนเตียงนี่ล่ะที่จะพอช่วยบรรเทาให้ได้

แต่พอมารับรู้ข่าวว่า .. ต้องเตรียมตัวแต่งงานกับไลแคนท์สาวใหญ่คนไหนก็ไม่รู้ เขาผู้ที่กำลังเบื่อมันทุกสิ่งอย่าง เมื่อรับรู้ว่ามีบางสิ่งที่ปรากฏเข้ามา จึงเลือกที่จะรอฉกฉวยสถานการณ์เตรียมผลักไสแม่สาวบนร่างนี้ออกไป ซึ่งไม่ได้คิดไว้น่ะสิว่ามันจะโกลาหลนิดหน่อยขนาดนี้

ตาสีเขียวด้วยนี่ ... คิดถึงออนเน่จัง ...

บ้าชะมัด! .. กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน.. 

ผู้หญิงของเขากำลังมีคดีวิวาทกับลูกแมวจะตีกันตายอยู่ต่อหน้า .. ทำไมจึงได้มัวไปคิดถึงเด็กมนุษย์นั่นอยู่ได้ก็ไม่รู้สิ!!



ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :) 


**********

ฝะ! ฝะ!! ฝะ! .. ฝันร้ายยยยยย!!!

 

บทที่ 8

เงียบ ... ดาม่อนไม่คิดที่จะยอมตอบ

"เดี๋ยวพอนายแต่งงานไปก็ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะรับเอาหล่อนไปอุปการะไว้แทนเองก็ได้"

"ใคร?" เสียงคำถามเย็นยะเยียบ

"อ้าว? .. ก็เด็กนั่นไง" แยกเขี้ยวยิ้มเจ้าเล่ห์

"ใครใช้ให้นายมาแส่..เรื่องนี้?"

"อุ้ย!! หยาบคาย" ทำเสียงได้ฟรองซัวส์มากๆ

แต่คนอุทานน่ะ ไมเคิลที่หุ่นล่ำบึกบักเลยนะ!!

ดาม่อนตาขุ่น .. จากสีม่วงเข้มเปลี่ยนเป็นสีเขียวในขณะที่ไรอันขำก๊าก .. 

"องครักษ์พิทักษ์นายของนายนี่.. เป็นอะไรกันไปหมด? สงสัย..อยู่ใกล้เจ้านายอารมณ์บูดมากไป ก็เลยจำเป็นต้องหาที่ระบายความเครียดกันขนาดหนัก?"

"ที่คุณวิเคราะห์มาก็น่าจะถูก" ไมค์เห็นด้วย

"ย้ายไปเป็นองค์รักษ์ให้หมอนั่นเลยก็ได้นะ ไมค์"

คนร่างสูงระอา

"อย่าพูดงั้นงี้ซี้ซั๊วสิครับ" คำพูดฟังคุ้นๆ เหมือนว่าออนเน่จะเคยใช้ไปแล้วนี่นา .. เมื่อบ่าย?

"กลับไปรับใช้นายท่านไรอัน แล้วมือถือรุ่นใหม่ที่ผมตั้งใจจะไปกางเต้นท์นอนรอซื้อจะใช้ได้ไง?" ยังมีหน้ามาย้อนถามเจ้านาย

ตะก่อนตะกี้หมอนี้ไม่เคยเถียงเขาเลยนะ? .. ก็คงตั้งแต่ที่โอเรออนเน่ปรากฏตัวขึ้นมา ก็ดูเหมือนว่านิสัยลูกน้องของเขานี่จะพากันสติวิปลาศไปหมดเลยไหม?

"อุ้ย!! แค่นี้ก็ยังหึงได้อีกนะ" 

เจ้าของผมยาวสีเงิน .. ที่มีความสามารถพิเศษอ่านใจผู้อื่นได้แหย่

"นั่นสิๆ คราวก่อนผมคุยกะเด็กนั่นนิดเดียว ยังยืนตาเขียวใส่ .. ผมงี้เสียวหลังวาบเลย .. ไม่กล้าคุยต่อ" 

ไมค์นินทาได้ในระยะเผาขน

"เขาหึงคุณ .. หรือหึงเด็กนั่น?" สงสัย

"ไม่รู้" ไมค์สั่นหน้าโหดเคราครึ้ม กะพริบตาถี่ๆ

"เอ็ดเวิอร์ด" เสียงเรียกเนิบนาบ ทำเอาชายชราที่ทำท่ายื่นตัว..เอียงไปชะโงกฟังองครักษ์กับแขกเม้าท์เจ้านายกันสนุกๆ ถึงกับสำนึก ชะงักยืนตัวตรงปึง!

"ขอรับ .. นายท่าน!!" ขานรับปากสั่น

พี่จะไม่โดนน้ำมนต์สาดใส่ใช่ไหม? 

เพราะ .. อุ้ย!! .. เจ้านายก็ถือไม่ได้

"เชิญ..ลากคอยัยแก่ขี้เม้าท์ทั้งคู่รวมทั้งตัวคุณด้วยนะ..เอาออกไปที .. ผมจะนอนละ"

"สงสัยดาม่อนจะเขินพวกเราล่ะ ไมเคิล" 

ไรอันทำท่ายื่นหน้าป้องปากเหล่ตามากระซิบ คนฟังทั้งแก่ทั้งหนุ่มพยักหน้ารับกันหงึกหงัก ทำทีว่าน่าจะเห็นด้วย

ดาม่อนป่วยการจะไล่ หันหลังเดินไปเขิน ..เอ้ย!!.. เดินไประอาต่อในห้องน้ำก็ได้ฟร่ะ!!

เส้นแนวนอน


ฝะ! ฝะ!! ฝะ! .. ฝันร้ายยยยยย!!!

โอเรออนเน่มองกระจกเงาอย่างตื่นตกใจ

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ต้องตื่น เพื่อที่จะมาพบว่าตนเองพลิกตัว .. หล่นตุบลงมาจุก..แอ๊ก!! ที่พื้น 

ที่แปลกใจว่าทำไมมันสูงกว่าปกติจังล่ะ? … แล้วพอตอนที่เท้าแขนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง

เอ๊ะ!! ทำไมแขนฉันมันมีขนดำๆ ฟูๆ เยอะอย่างนี้ล่ะ? ยาสระผมยี่ห้ออะไรน่ะ ทำไมใช้แล้วขนพริ้วเชียว!

หงายฝ่ามือมา ...อร้ายย... ม่ะ...ม่ะ.…มันมีกรงเล็บ!?!!

วิ่งสี่ขา? ..  ใช่!!.. ฉันมีสี่ขา...ร้องเหมียว ๆ วิ่งมาที่หน้ากระจก

ไม่นะ! .. ฉันเป็นแมวตัวผู้ใช่ไหม .. ทำไมถึงได้มีหนวด!!

ไม่เอาสิ!! จะตัวผู้ตัวเมีย .. ขนจะนุ่มมันวับ!! .. หรือดวงตาจะเขียวสวยใสแวววาวมากกว่าเดิมแค่ไหน ฉันก็ไม่ควรปลื้มใจใช่ป่ะ! .. แล้วทำไมจึงเป็นเช่นงี้ได้ล่ะ?

ตบหน้าๆๆๆๆๆ ... ฝันอยู่ใช่ไหม!! … ตื่นๆๆๆๆ .. จงตื่น!!

ไม่อ่ะ! แมวดำหน้าด้านตัวนี้ยังไม่ยอมหายไปอ่ะ!! ทำไงดี? ..

 รีบทบทวนความทรงจำจะหาสาเหตุ .. 

บ้าจริง!! วันนี้ฉันก็เข้านอนหัวค่ำอย่างปกตินี่นา

หรือ..ก่อนนอนได้แอบกินอะไรไปหรือเปล่าอ่ะ?!?

ไม่นะ! .. ไม่มี! .. 

โอเค! ..แอบกินชอคโคเล็ตสอดไส้วิสกี้ยี่ห้อซีวาสไปหนึ่งชิ้นก็ได้ ..

แต่มันก็แค่ก้อนจี๊ดดดดส์เดียวเองนะ? ..  ฟรองซัวส์บอกว่ากินได้ .. ถ้า .. ดาม่อนไม่เห็น

นั่นไง ... สงสัยเรื่องนี้แหละ!

เราแอบกินในสิ่งที่ดาม่อนไม่อนุญาตแน่ๆ

ตายแล้ว!! งั้นควรทำไง?

ดาม่อนแก้ให้ได้ไหม? ... ใช่ๆ .. ดาม่อน ..

อย่างรวดเร็วทันใจ วิ่งตรงจี๋จะไปที่เคาะห้องของชายหนุ่มเจ้าของปราสาท แล้วหล่อนเชื่อมั่นว่าเขาต้องเป็นเจ้าของคำสาปนี้ด้วยแน่ๆ

แงงงงงง … ดาม่อนจ๋า แก้คำสาปให้ค้าวหน่อยเซ่!!

อ้าว!! หว่ายยยย...ปลาทูติด!? ..เอ้ย!!.. ประตูปิด!!


ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :) 


**********


ฉันได้ยินเสียงพวกนายปรึกษากัน

 "หลานป้าของเพื่อนท่านย่า" 

"หลานป้า...ของเพื่อนท่านย่า?"

เลิกคิ้ว..ทวนคำตอบให้กลายเป็นคำถาม .. หากแต่ ..

"แม่เขามีต้นตระกูลมาจากนอร์มังดี**" 

คนส่งสาส์นตอบคำถามขยายปริศนาให้แค่นี้ล่ะ

ชาวนอร์มังดี .. ดาม่อนเกือบทำท่ากลอกตา

เพราะรายละเอียดของคำตอบนี่ (?) ทำให้มองเห็นภาพได้ชัดใสมากเลยนะ ..แต่พอลองเดารอยยิ้มขำขันที่มันมาจากมุมปากของน้องชายต่างมารดา .. ดาม่อนก็ยิ่งรู้สึกสบายใจ..เหมือนๆ ผีร้ายที่ได้นั่งชิดใกล้ถังน้ำมนต์นั่นเชียว

หลานป้าของเพื่อนท่านย่า? งั้น..คู่หมั้นเขาก็ต้องน่าจะมีอายุจัดอยู่ในขั้นสาวแก่ แม่ใหญ่ หรือไม่ .. อย่างต่ำสุดก็คงจะอยู่ในวัยไล่ๆ กันกับเขานี่ล่ะกระมัง .. แต่เพื่อนของท่านย่า..คนไหนกัน?

ดัชเชสมารีอาร์ อลิซาเบทที่ 3 .. นางมีสหายสนิทและทั้งที่ไม่สนิทตั้งมากมาย แล้วคู่หมั้นเขานี่จะมาจากสหายทางสายไหนกันเล่านี่?

ถ้ามาจากนอร์มังดีก็คงไม่แคล้วเป็นสายตระกูลไลแคนท์เหมือนกันนั่นสินะ

ใช่! พวกเขาทั้งหมดนี้ .. คือสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์รู้จักกันดีในนามของ 'ไลแคนท์' ที่ก็คือผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากผู้ที่ถูกสาปในอดีตกันทั้งนั้นนั่นล่ะ

อดีต ปัจจุบัน อนาคต .. ไม่เคยมีผลอะไรกับชีวิตของพวกเขา นอกจากความเจ็บปวด การสูญเสีย และ การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่ทุกข์..ทรมานจากความทรงจำที่จะผนึกแน่นยาวนานกว่ามนุษย์ .. นับกัป นับกัลป์!! ดังนั้นนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ดาม่อนเลือกที่จะไม่คิดจะแบ่งปันพื้นที่ในหัวใจให้ใคร .. จนกระทั่ง ..

ดวงตาสีเขียวใสของนางมนุษย์ .. คู่นั้น

นั่งตัวตรง ยืดตัวเต็มความสูง ตาคมสีม่วงเข้มที่ยังอยู่ใต้เงามืดของแสงจันทร์เสี้ยว ที่พวกเขาทั้งหมดไม่มีใครสักคนจะสนหรือใส่ใจในความมืดมิด .. ราวกับมันเป็นความเคยชิน 

และถ้าหากว่าจะมีมนุษย์ผู้ใดสักคนตื่นขึ้น และได้บังเอิญเดินผ่านห้องนี้มา ก็จะไม่สามารถจับความในสิ่งที่ได้ยินชัดเจน เพราะไม่รู้นน่ะสิว่าคนในห้องทั้งหมดนั่นเขากำลังคุยกันอยู่ด้วยภาษาอะไร!

"งานดูตัวนั่นมันจะมีขึ้นเมื่อไร .. และที่ไหน?"

"คืนพระจันทร์ข้างขึ้น..ในอีกสามราตรีข้างหน้า" ดวงตาสีม่วงใสของไรอันแพรวพราวราวนึกสนุก

"สถานที่ก็ปราสาทนี่ไงล่ะ .. แต่ในปี 1220 นะ"

นั่นก็คือกาลเวลาในอดีต และมันก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พวกเขารู้ดีว่าเรื่องนี้มันยึดได้ หดได้ หมุนวนกลับไป กลับมาได้ .. ซึ่งมันเป็นความลับที่มนุษย์ยังมิอาจ หรือ อาจจะไม่มีวันค้นพบหรือไขความลับของมันได้เลย

"สามราตรีในยุคกลาง .. นับย้อนจากยุคนี้ไปก็อีก 3 จันทร์เสี้ยวสิ?" พึมพำคำนวน

"ช่ายยยยยย อีกตั้งสามจันทร์เสี้ยวแหน่ะ!!"

คนตัวสูงเดินเลยไปนั่งแหม่ะ ดิดนิ้วตัวเองเป๊าะ!!

ไฟฟ้าสว่างกระจ่างนวล

"นั่งอยู่ได้ไงในที่มืดๆ ไม่กลัวสายตาเสียกันบ้างเลยหร๊อ?" อาคันตุกะส่ายหัวไหวไหล่ด๊อกแด๊กกวนๆ

ไมเคิลหันมามองเจ้านายเป็นเชิงถามว่า

เอาไงดีครับเจ้านาย? .. เก็บเลยดีไหม? .. แต่ผมไม่ได้พกกระสุนเงินติดเป๋าไว้เลยนะครับ

ดาม่อน .. กลอกตา

"ฉันได้ยินเสียงพวกนายปรึกษากันน่า!!"

ไรอันปราม ..ก่อนจะเอนตัวนอนราบไปตามโซฟาหลุยส์ตัวยาว ยกตวัดขาพาดไขว้ .. สบายใจ

"นายจะพักที่นี่หรือไง?" ดาม่อนแปลกใจ

"เอ็ดเวิอร์ดเตรียมห้องไว้ให้แล้วหรือยังล่ะ?"

"เรียบร้อยแล้วครับนายท่าน .. ไรอัน" 

คำตอบรับสง่างาม ภูมิใจที่หน้าที่มิเคยมีบกพร่อง

"แม่เด็กสาวที่ฟูมฟาย จะเอาฉันมาเลี้ยงให้ได้เมื่อบ่ายนี้เป็นใคร?" ในที่สุดก็มาถึงคำถามนี่จนได้สินะ

ใบหน้าเจ้าของปราสาทยุคปัจจุบันยังคงนิ่งเฉย .. แต่ไรอันก็รู้ได้เลยว่ามีรังสีอำมหิตร้อนวาบๆ บางอย่างแผ่กระจายยยยยยยยยย .. ฟรุ้งฟริ้ง ..

"หล่อนน่ารักดีนะ" ก็ยังจะจี้นี่แหละ


(** ข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับ ชาวนอร์มังดี ** เพราะหากให้เล่าเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่า ที่เป็นตำนานขึ้นชื่อลือชา..ยอดฮิตไม่แพ้เหล่าบรรดาแม่มด แวมไพร์ .. กลัวดาบ กระสุนเงินที่ทำมาจากไม้กางเขน และตามตำนานเหล่านั้นก็เล่าขานถึงแหล่งกำเนิดที่มาของมนุษย์หมาป่าอันหลากหลายความเชื่อ ดังนั้น ณ ที่ตรงนี้ไรท์จึงขอหยิบเพียงเศษเสี้ยวมาเสริมเรื่อง เนื่องจากมีบางคนเชื่อกันว่าฝรั่งเศสเองนั้นก็มีชนเผ่ามนุษย์หมาป่าอาศัยอยู่ .. ร่ำลือ .. เรียกขานชนกลุ่มนี้ว่า 'ลูแปง' ที่แต่เดิมทีมีถิ่นฐานอยู่ในนอร์มังดียุคโบราณ .. อุปนิสัยที่น่าสงสัยของชาวลูแปงคือ ในยามค่ำคืนพวกเขาจะมายืนพิงกำแพงสุสานของเมือง จับกลุ่มสนทนากันด้วยภาษาแปลกๆ .. ว่ากันด้วยว่า .. พวกเขาใช้มือเปล่าขุดศพขึ้นมาแทะ!! และมนุษย์หมาป่าลูแปงก็กลัวเกรงมนุษย์ จะหลีกลี้หนีเร้นไปเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้)




ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :) 


**********


"ว่าที่คู่หมั้นของฉันเป็นใคร?"

 

บทที่ 7

นาฬิกาแขวนของเก่าโบราณ หากทว่า..ยังคงรับใช้บอกกาลเวลาได้อย่างเที่ยงตรง บ่งบอกว่า อีกสิบสองนาที  จะเที่ยงคืนที่อากาศโปร่งโล่ง ลมจากหน้าต่างพัดเบาๆ

แต่แล้วจู่ๆ ไฟฟ้าทุกดวงในห้องกว้างขวางดับพรึ่บ!! .. โดยไม่มีสัญญาณใดๆ

หากแสงไฟจากจอคอมพิวเตอร์ก็ยังคงทำงานนิ่ง ราวปกติ .. แต่แล้วเสียงหน้าต่างกระจกกว้างทรงโค้งคลาสิคที่กรุไว้ตามความยาวของระเบียงก็โดนลมพัดอู้ ตีตึงๆ เสียจนกระจกสั่น ก่อนจะมีบานหนึ่งที่เปิดราวกับถูกใครผลักให้เปิดผลัวะ! สายลมปริศนาผิดธรรมชาติจากภายนอกพัดพุ่งกรู จนแม้แต่ผ้าม่านสองชั้นอันหนาหนักปักมือด้วยลวดลายจากช่างยุควิคทอเรียยังปลิวไสวราวกับใบไม้บางเบา .. มิใยที่เจ้าของห้องจะยอมเงยหน้ามาดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวแม้เพียงสักเล็กน้อย

ทันใดนั้น..จากปลายหน้าต่างก็ปรากฏเสียง...ฟิ้ว!!

และที่ต้นเสียงเกิดประกายจากแสงหนึ่งที่กระทบ สะท้อนจากแสงจันทร์เสี้ยวเหนือกรอบหน้าต่างทรงสูง

ประกายแสงพุ่งปลิว .. วิ่งเข้าสู่ร่างสูงสง่าที่ยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานของตน .. มิสนใจ .. จนมันพุ่งผ่านเลยไปตกกระทบผนังหิน .. แล้วเจ้าวัตถุปริศนาก็สลายหายไปในวิบนาทีเดียวกัน

หากแต่คมของเจ้าวัตถุนั่นก็ยังทิ้งรอยเชือน เฉียดข้างแนวกรามแข็งแกร่งของดาม่อน จนส่งผลให้ปากบาดแผลมีน้ำสีเข้มข้นเหนียวเหนอะไหลซิบ

"หากคิดตั้งใจว่าจะฆ่าฉัน นายควรเล็งให้ต่ำกว่านี้นะ..ไรอัน" วาจาฟังเยาะเย้ยแต่เฉยชา..ทั้งที่ยังจะไม่เงยหน้า

"ไม่เอาน่า ดาม่อน..นายก็รู้ว่าถ้าฉันคิดจะฆ่าแกงนายจริงๆ ฉันต้องใช้กระสุนเงิน"

คนตอบ .. ยืนสูงฉลูดพิงกรอบหน้าต่างไขว้ขาใน ท่วงท่าที่ยกปลายนิ้วมือตนเองมาพิจารณาเล่น 

(สงสัยว่าน่าจะขวยเขินอยู่ในใจ ที่ปาผิดเป้าไปซะขนาดนั้น)

เจ้าของใบหน้าที่ปรากฏบาดแผลเมื่อครู่ จู่ๆ เลือดสดที่ไหลซิบก็สลาย บาดแผลก็หายไปทันตา เหลือไว้เพียงแค่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเฉกเช่นเคย

"นายมีธุระอะไร?" คำถามยังคงเย็นชา ขณะปรายตาไปมองที่ประตู เห็นเงาร่างขององค์รักษ์ตัวยักษ์เดินกุมหลังคอเข้ามา ตามหลังด้วยเอ็ดเวิอร์ดที่คงได้กลิ่นแขกผู้ที่เจ้าของบ้านไม่เคยจะเชื้อเชิญ เพราะหมอนี่ก็มักจะพกพาความหน้าทน..เดินเข้า เดินออก..บ้านนี้ราวสนามเด็กเล่นอยู่เสมออยู่แล้ว

"มาแก้ข่าว ที่นายปากพล่อยบอกแม่สาวน้อยเมื่อบ่ายนี้ไปไงว่าฉันมันเป็นแค่โอเมก้า หมาหัวเน่า..เข้ากะฝูงไม่ได้" คนพูดกัดเขี้ยวตัวเองกรอดๆ

"อ่อ" .. ยังเย็นชาได้เสมอต้นเสมอปลาย

"นายควรจะขอโทษอย่างสุภาพๆ .. ในแบบที่นายควรจะทำหน่อยนะ ดาม่อน" ทิ้งหางตาสอนมารยาท

"ใช่ป่ะ? .. ไมเคิล" หาพวก

"ว่าแต่เขา..ทั้งที่คุณเองก็ควรเคาะประตูห้องแล้วเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ไม่ใช่ แอบมาฟาดกะบาลผมแล้วพยายามตะกายปีนหน้าต่างเข้าหาพี่ชายคุณแบบนี้ .. ไรอัน" 

ไมเคิลเตือนความทรงจำอาคันตุกะยามดึกแบบเนิบๆ

"หื้อ!! ไม่เอาน่า นี่ผมกระโจนเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่าผ่าเผยที่สุดเลยนะ" โบกปลายนิ้วมือไหวๆ เหมือนอีกฝ่ายพูดเรื่องเหลวไหลไร้สาระ .. "ไม่ได้ตะกายเข้ามาอย่างที่คุณกล่าวหาสักหน่อย"

"อีกอย่างผมแค่อยากทดสอบ คุณเป็นถึงบอดี้การ์ด คงต้องระวังรอบครอบให้มากกว่านี้ไง"

"คุณมีเชื้อสายอัลฟ่า มีพลังเหนือว่าผม คุณต้องไม่ลืมข้อนั้น"

"อ่อ .. ใช่ .. ลืม .. งั้นคุณช่วยบอกพี่ชายผมด้วยสิ ว่าผมคืออัลฟ่า ไม่ใช่โอไมก้าหางแถวเพราะเหมือนหมอนี่ก็จำมันไม่ได้แล้ว"

"ขอบคุณสำหรับคำขอโทษ" ไมเคิลตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งกับศึกสายเลือดด้วยแล้วงานนี้ ..รีบตัดจบสนทนา

"ด้วยความไม่ยินดี" ไรอันก้มหน้ายกปลายนิ้วกุมขมับล้อเลียนท่าของดาม่อนยามเขาปวดหัวกับอะไรสักเรื่อง

"ตกลงจะบอกได้หรือยังว่านายมานี่ .. มีธุระอะไร"

เจ้าของสถานที่นั่งมือประสาน .. วางคางมองตรง หลังจากยอมปล่อยให้เด็กชายจอมกวนทั้งคู่ทักทายกันพอหอมปากหอมคอพอแล้ว

"ท่านย่า .. ให้มาเรียกนายกลับไปดูตัวคู่หมั้น เตรียมแต่งงาน"

"แต่งกับใคร?" ใบหน้านิ่งๆ ชักเริ่มจะขมวดคิ้ว

"เอ๊า!! ก็แต่งกับคู่หมั้นนายน่ะสิ"

"ฉันมีด้วยหรือ?"

"มี"

"ตั้งแต่เมื่อไร?" 

ใช้น้ำเสียงอย่างกับถามว่าวันนี้มีรายการทีวีอะไรดูแบบนั้นเลยนะ .. เอ็ดเวิอร์ดอดไม่ได้ที่จะกระแอมไอ

"ท่านย่าเพิ่งหาให้นายได้เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน" 

คนส่งสาส์นแจ้งข่าวหน้าตายได้ไม่ผิดเพี้ยนกัน

"ทำไมฉันไม่ยักจะรู้เรื่องนี้" 

"ก็นี่ไง .. ฉันถึงได้รีบมาบอก" น้ำเสียงภาคภูมิใจยิ่ง

"แต่ฉันกับเอ็ดเวิอร์ดได้กลิ่นของนายมาวนเวียนอยู่ที่นี่ตั้งแต่ต้นสัปดาห์แล้วนะ" แจงให้ฟังเนิบๆ

หันไปมองหาฟรองซัวส์สหาย .. ที่ในอีกสถานะหนึ่งเขาก็คือลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ที่มาจากทางสายบิดาของเขากับไรอันคนนี้นี่ล่ะ ที่เพิ่งสังเกตว่าทำไมจู่ๆ หมอนั่นกับแฟนหนุ่มวันนี้ถึงได้หายตัวไปกันทั้งคู่ .. เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ อย่างเจ้าฟรองซัวส์..ไม่น่าจะพลาดข่าวได้เลยนี่นา .. นอกซะจากว่า ..

"ว่าที่คู่หมั้นของฉันเป็นใคร?"


ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :) 


**********

กัดฟันออกคำสั่ง

 "มันมีขนสีเงินด้วยค่ะ ถึงแม้จะยังจำอะไรไม่ได้ แต่ฉันก็รู้ดีนะว่าหมาป่าสีเงินที่เป็นประกายสุกปลั่งแบบนี้เราจะหาดูกันไม่ได้ง่ายนักหรอกค่ะ แล้วดูสิคะ นี่คุณมองไม่ออกหรอกหรือว่ามันเชื่องขนาดไหน" ตื่นเต้นๆๆ

"งั้นคุณก็น่าจะรู้ดีน่ะสิ ว่าหมาป่าตัวนี้ไม่น่าจะใช่หมาป่าธรรดา" มองตรงมาเครียดๆ

ส่วนเจ้าหมาสิ่งมหัศจรรย์ของแม่สาวน้อยนั่น มันก็ทำหูลู่ .. ส่งเสียงขู่ๆ เขาอยู่ในลำคอ

โอเรออนเน่สั่นศีรษะ..ไม่เข้าใจ แต่แน่ใจว่าครั้งนี้เขาตั้งใจจะกระแหนะกระแหนหล่อนอยู่แน่ๆ

พอรู้ว่าจะสู้ความเย็นชาครั้งนี้ของเขาไม่ได้ก็ทำตาวาวๆ น้ำตาคลอขอความเห็นใจ

"ไม่ธรรมดา .. มันเป็นตัวจ่าฝูงหรือ?"

"อย่ามาทำเป็นตลกกลบเกลื่อนผมน่า .. ฟรองซัวส์สอนวิชามารแบบนี้ให้คุณมาหรือ?"

ศีรษะใต้กลุ่มผมยาวตรง..สวย.. ส่ายด๊อกแด๊กอีกครา กอดลูกหมาในอ้อมแขนตนไว้แน่นจนมันทำท่าตาเหลือก ตะกายแขนหล่อนคงเพื่อที่จะงับ..หาอากาศหายใจ

"ไมเคิลต่างหากล่ะคะ"

"ถึงว่า .. มุกมันก็เลยไม่ค่อยจะตลก"

ดาม่อนประชดกลับมา..มองออนเน่ที่ยืนตาปริบๆ 

ไมค์? ฮึ! .. เจ้าหมอนั่นมันแปรพรรคตั้งแต่เมื่อไร? ปกติทั้งคู่ดูไม่ค่อยจะถูกกัน .. มันไม่ใช่หรอกหรือ?

แฮร่รร!!! กรรรรรร....

เจ้าตัวที่รอดชีวิตจากอ้อมแขนหล่อนมาได้เริ่มส่งเสียงขู่เขาเหมือนจะร่วมด้วยช่วยกันเถียง

"ไม่เอาสิซิลเวอร์ ทำตัวดีๆ สุภาพ น่ารักหน่อยสิ เจ้าของบ้านเขาจะได้สงสาร เห็นใจ จะได้ไม่ใจดำไล่เราทั้งคู่ออกจากบ้านเขาไง"

นั่นล่ะคือสิ่งที่เขาอยากจะทำตอนนี้นั่นแหละ

"เอามันไปขว้างทิ้งข้างนอกไปน่า .. ออนเน่" 

กัดฟันออกคำสั่ง

"ตัวนี้มันเป็นหมาป่านะคะ..ไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว คุณอย่ามาออกคำสั่งซี้ซั๊วสิคะ .. ดาม่อน!!" เงยหน้ามาดุเขาอีก

ให้ตายเถอะ!!.. ยัยแม่มดน้อยตนนี้นี่ท่องคาถาบทไหนน่ะ ทำไมถึงได้ไม่มีใครเห็นหายนะที่หล่อนชอบจะขยัน สรรหามาทุ่มใส่เขาซะบ้างเลย!!

"มันเป็นหมาป่า ธรรมชาติของมันก็ต้องอยู่ในป่า แล้วไอ้ตัวนี้มันก็ไม่ใช่จ่าฝูง ก็แค่โอเมก้างี่เง่าที่เข้ากับฝูงไม่ได้ตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ" น้ำเสียงเขาติดจะหยิ่งๆ แถมดูถูกใส่เจ้าตัวที่หล่อนเอ็นดูราวชิวาว่านั่นเต็มที่

"ทำไม? .. น้ำเสียงคุณฟังดูเหมือนอิจฉาหมาป่าที่น่ารักของฉันจังเลยคะ" ปกป้องสมบัติตนเต็มที่เช่นกัน

ดาม่อนทำกิริยาอาการ ปรายหางตา คล้ายจะทุ่มด้วยค้อนในตอนที่โอเรออนเน่พูดว่า 'หมาป่าของฉัน'

"เลี้ยงไม่ได้" คำสั่งครั้งนี้ฟังดูเด็ดขาดและตัดจบ

"เอ็ดเวิอร์ด"

"ขอรับ .. นายท่าน"

"เชิญ ... มันออกไป" เน้นเสียงที่คำว่าเชิญ

หัวหน้าคนรับใช้ ... โค้งคำนับรับคำสั่งสง่างาม

ดาม่อนเดินตัวตรง แต่ใบหน้าเคร่งเย็นชาเข้าห้องทำงานส่วนตัวอย่างตัดสินใจที่จะไม่สนใจความวุ่นวายที่กำลัง จะตามมา

หากแต่เอ็ดเวิอร์ดที่น่าสงสาร

"ปล่อยสิครับคุณหนู!!" ยื้อยุดกันสุดฤทธิ์

"ไม่อ่ะ .. ทำไมใจร้ายกันจังเลยล่ะ" 

"ปล่อยเถอะครับ มันคงอยากไปวิ่งเล่นนอกบ้าน ชายป่าที่กว้างๆ มากกว่า" ปะเหลาะ

"ไม่มัง .. ข้างนอกกลางคืนมันหนาวจะตาย มีแต่คนใจร้ายใจดำเท่านั้นละที่ไม่ยอมสงสารมัน" 

.. บร้าาา .. นี่ฤดูร้อนนะครับ!! 

เอ็ดเวิอร์ดส่ายหัวในใจ หันไปมองทางห้องทำงานที่ปิดสนิทเงียบ และย่อมแน่ใจว่าคนที่เอ่ยคำว่า 'คนใจดำ' คงตั้งใจจะหมายถึงคนข้างในนั้นมากกว่า

"ว่าใครล่ะ!! ผมเปล่านะ แค่รับคำสั่งมา ..อ้าว.. เอ๋!! คุณหนูปล่อยมันเถอะครับ นี่ รัดคอจนมันตาจะปลิ้นแล้ว!!" .. เฒ่าเจ้าเล่ห์ยอมฉวยจังหวะนี้ละ

"อุ้ย! หรอ! หรอ? ไหนอะ? ..อ๊ะ!!..อ้าย! เอ็ดเวิอร์ด ทำไมขี้โกหกจังล่ะ!! เอาหมาเค้าคืนมาเดี๋ยวนี้นะ ..โถ.. ซิลเวอรรรรร์" เขย่งตัวแย่งหมาแต่ว่าหล่อนก็เตี้ยเกิ๊น!!

"คนใจร้าย!!" หันไปทำพิธีตะโกนใส่ประตูไม้แกะสลักนั่นหนึ่งที ก่อนที่จะวิ่งตามพ่อบ้าน ที่เดินลิ่วๆ หิ้วคอชิวาว่าป่าตัวนั้นนำห่างออกไปไกลหลายก้าว

เสียงตึกตัก..ตึงๆ ของฝีเท้าที่วิ่งห่างออกไป ทำให้ร่างที่นั่งเท้าคางจนใบหน้าของผู้บริหารผู้หล่อเหลาสาวกรี๊ดทั่วทั้งแผ่นดิน มาบัดนี้ดูยู่ยี่ ยุ่งเหยิง ยับเยิน จนเจ้าของต้องสะบัดศีรษะไล่ความงุนงงของอารมณ์ที่ตนเองก็เรียกได้ไม่ถูกเลยสักอารมณ์หนึ่ง .. ก็ตั้งแต่นับจากวินาทีที่เขาดันตัดสินใจรับหล่อนเอามาไว้ในอุปการะนี่ล่ะ!!

นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ..

เขาคงจะอุ้มหล่อนทุ่มทิ้งไว้ข้างทางที่น่าจะดีกว่า..อุ้มหล่อนมาวางใส่ในรถเขาแน่นอนเชียวละ 

เส้นแนวนอน



ปล. นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายโรแมนซ์ ของนักเขียนอังกฤษท่านหนึ่งซึ่งนักเขียนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ใครเป็นคนแต่ง เพราะเช่ามาอ่านเมื่อนานมากแล้วละค่ะ .. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดโก๊ะๆ แบบนี้นี่ละ :) 


**********